นายเฟิ่ง หนิง เล่าว่า ได้ยินเสียงคนร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากอาคารใกล้ๆ เขาจึงเดินออกมาจากร้านอาหาร และเห็นผู้หญิงห้อยอยู่บริเวณหน้าต่างชั้น 11จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วย แต่สุดท้าย ผู้หญิงคนดังกล่าวก็เสียชีวิต ส่วนตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อต่อหัวเข่า และกระดูกหน้าแข้งแตก เขากล่าวแสดงความเสียใจ ที่ไม่อาจช่วยชีวิตหญิงคนดังกล่าวได้
วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558
โครตระทึก!! หนุ่มใช้มือเปล่ารับหญิงพลัดตกจากชั้น 11 เหตุการณ์นี้จะเป็นอย่างไรมาดูกัน!!
สยามอัพเดทมีรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. รายงานว่านายเฟิ่ง หนิง หนุ่มชาวจีน ใช้มือเปล่ารับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ตกลงมาจากอาคาร ชั้น 11 ในมณฑลหูเป่ย์ จากคลิปวิดีโอของกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นภาพนายเฟิ่ง หนิงแหงนมองขึ้นไปด้านบนอาคาร กางมือรอรับ จากนั้นไม่กี่วินาที มีหญิงคนหนึ่งตกลงมาสู่อ้อมแขนของเขา แต่แรงกระแทก ทำให้ทั้งคู่ล้มกองกับพื้น
นายเฟิ่ง หนิง เล่าว่า ได้ยินเสียงคนร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากอาคารใกล้ๆ เขาจึงเดินออกมาจากร้านอาหาร และเห็นผู้หญิงห้อยอยู่บริเวณหน้าต่างชั้น 11จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วย แต่สุดท้าย ผู้หญิงคนดังกล่าวก็เสียชีวิต ส่วนตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อต่อหัวเข่า และกระดูกหน้าแข้งแตก เขากล่าวแสดงความเสียใจ ที่ไม่อาจช่วยชีวิตหญิงคนดังกล่าวได้
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179830
นายเฟิ่ง หนิง เล่าว่า ได้ยินเสียงคนร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากอาคารใกล้ๆ เขาจึงเดินออกมาจากร้านอาหาร และเห็นผู้หญิงห้อยอยู่บริเวณหน้าต่างชั้น 11จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วย แต่สุดท้าย ผู้หญิงคนดังกล่าวก็เสียชีวิต ส่วนตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อต่อหัวเข่า และกระดูกหน้าแข้งแตก เขากล่าวแสดงความเสียใจ ที่ไม่อาจช่วยชีวิตหญิงคนดังกล่าวได้
วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558
สุดสลด! พบแล้ว สาวหน้าตาดี 15 ที่หายไป แต่กลับพบที่นี่ หัวอกพ่อแม่ถึงกับใจสลาย
ฝากช่วยกันแชร์ ให้คนทำมาติดคุกกันด้วยนะครับ
ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท ได้รับรายงานว่า หลังจากได้มีรายงานข่าว สาว 15 ได้หายตัวออกจากบ้านไป ล่าสุุด ข้อมูลจากเพจ กู้ภัยสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพผู้หญิงถูกนำมาทิ้งไว้ภายในท่อระบายน้ำ ที่บริเวณถนนสายสุรินทร์-ปราสาท บ้านตระงอน หมู่ที่ 9 ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ จึงพร้อมด้วยหน่วยอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างนางสาวส้ม (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี หน้าตาดี อยู่ภายในท่อสภาพสวมเสื้อยืดสีแดงท่อนร่างเปลือยเปล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ใกล้ ๆ กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าสกู๊ปปี้ สีส้มดำ ทะเบียน 1 กฌ- 454 สุรินทร์ จอดอยู่
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจถูกคนร้ายลวนลาม-ข่มขืน แต่ผู้ตายคงขัดขืนและต่อสู้จึงเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ก่อนจะนำศพมาทิ้งไว้ที่บริเวณท่อดังกล่าวเพื่ออำพรางคดี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หน่วยกู้ภัยสุรินทร์
เมื่อข้อมูลดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไป ก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นในเชิงโกรธแค้น ผู้ทำเป็นจำนวนมาก และวอนช่วยกันตามล่าคนทำให้มาติดคุกโดยไว
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179701
ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท ได้รับรายงานว่า หลังจากได้มีรายงานข่าว สาว 15 ได้หายตัวออกจากบ้านไป ล่าสุุด ข้อมูลจากเพจ กู้ภัยสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพผู้หญิงถูกนำมาทิ้งไว้ภายในท่อระบายน้ำ ที่บริเวณถนนสายสุรินทร์-ปราสาท บ้านตระงอน หมู่ที่ 9 ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ จึงพร้อมด้วยหน่วยอาสาสมัครกู้ภัยสุรินทร์ รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างนางสาวส้ม (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี หน้าตาดี อยู่ภายในท่อสภาพสวมเสื้อยืดสีแดงท่อนร่างเปลือยเปล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ใกล้ ๆ กันพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าสกู๊ปปี้ สีส้มดำ ทะเบียน 1 กฌ- 454 สุรินทร์ จอดอยู่
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจถูกคนร้ายลวนลาม-ข่มขืน แต่ผู้ตายคงขัดขืนและต่อสู้จึงเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ก่อนจะนำศพมาทิ้งไว้ที่บริเวณท่อดังกล่าวเพื่ออำพรางคดี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หน่วยกู้ภัยสุรินทร์
เมื่อข้อมูลดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไป ก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นในเชิงโกรธแค้น ผู้ทำเป็นจำนวนมาก และวอนช่วยกันตามล่าคนทำให้มาติดคุกโดยไว
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179701
วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ตะลึงตาค้าง! เมื่อตำรวจไทย ได้โบกเรียกรถคันนี้ คันแรกและคันเดียวของเมืองไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท
วันนี้ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท ได้รับการแชร์ข้อมูลจากสมาชิก ในกลุ่มข่าวของชาวอยุธยาแจ้งข่าวช่วยบอกด้วย
โดยคุณ Anithawut Boonyarit ได้ทำการแชร์ภาพของรถที่สุดฮือฮา โดยเป็นรถมินิบัสที่เราไม่เคยเห็นแน่นอน เป็นรถแต่งไซส์เล็ก น่าจะใหญ่กว่ารถเก๋งขนาดกลาง
เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่ภายในนั้นได้ตกแต่งเต็มไปด้วยเครื่องเสียง ออกแนวเอาใจสายตึ้บ เชื่อได้เลยว่ารถคันนี้ต้องเป็นแรงบันดาลใจ ให้อีกหลายๆคนแน่นอน
เรามาชมภาพกันเลยดีกว่า
"ของดีอยุธยาครับ อยากได้แบบสวยๆอย่างนี้ ต้องลงทุนครับ แถวเสนา ลองดูครับ"
โดยในภาพได้เห็นคุณตำรวจทำการตรวจเรียก โดยที่เจ้าของภาพได้แจ้งว่าตำรวจได้เรียกสอบถามเฉยๆเพียงเท่านั้น
เมื่อภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไป ก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นในเชิงที่อึ้ง และชื่นชมเจ้าของรถอย่างมาก
เป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆคน
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179739
วันนี้ผู้สื่อข่าวสยามอัพเดท ได้รับการแชร์ข้อมูลจากสมาชิก ในกลุ่มข่าวของชาวอยุธยาแจ้งข่าวช่วยบอกด้วย
โดยคุณ Anithawut Boonyarit ได้ทำการแชร์ภาพของรถที่สุดฮือฮา โดยเป็นรถมินิบัสที่เราไม่เคยเห็นแน่นอน เป็นรถแต่งไซส์เล็ก น่าจะใหญ่กว่ารถเก๋งขนาดกลาง
เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่ภายในนั้นได้ตกแต่งเต็มไปด้วยเครื่องเสียง ออกแนวเอาใจสายตึ้บ เชื่อได้เลยว่ารถคันนี้ต้องเป็นแรงบันดาลใจ ให้อีกหลายๆคนแน่นอน
เรามาชมภาพกันเลยดีกว่า
"ของดีอยุธยาครับ อยากได้แบบสวยๆอย่างนี้ ต้องลงทุนครับ แถวเสนา ลองดูครับ"
โดยในภาพได้เห็นคุณตำรวจทำการตรวจเรียก โดยที่เจ้าของภาพได้แจ้งว่าตำรวจได้เรียกสอบถามเฉยๆเพียงเท่านั้น
เมื่อภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไป ก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นในเชิงที่อึ้ง และชื่นชมเจ้าของรถอย่างมาก
เป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆคน
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179739
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558
แทบทรุด! พ่อบ้านใจกล้า แอบซ่อนเเงิน 1 ล้าน ภรรยาไม่ให้รู้ แต่เมื่อกลับมาบ้าน เห็นสิ่งที่ภรรยาทำ ใจแทบสลาย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่มณฑลหูหนาน ประเทศจีน หญิงรายหนึ่งถึงกับช็อค เมื่อสามีเตรียมเงิน 1 ล้านบาท ซ่อนไว้ในเตาฟืน คิดว่าปลอดภัย ไม่เชื่อมั่นในการฝากเงินไว้ที่ธนาคาร สุดท้ายภรรยาดันลืมไปว่าสามีเก็บเงินไว้ในนั้น จึงเผาเงินเสียหาย
โดยเหตุดังกล่าวเริ่มจาก นางฮาว ปิน หญิงชาวจีน อายุ 35 ปี เข้าครัวไปต้มน้ำไว้สำหรับชงชา ขณะจุดไฟในเตา เธอดันลืมไปว่า ได้เก็บเงินไว้ในนั้น กว่าจะนึกได้ก็สายเสียแล้ว
ด้านนาย หวัง สามีของ ฮาว ปิน เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ รีบหอบธนบัตรไปขอแลกกับทางธนาคาร แต่ไม่สำเร็จ เพราะธนบัตรได้เสียหายไปเกินครึ่งใบ แต่สุดท้ายถึงอย่างไร ฝ่ายชายก็ไม่โกรธภรรยา เพราะรู้ว่าทำไปเพราะไม่ได้ตั้งใจ
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179761
โดยเหตุดังกล่าวเริ่มจาก นางฮาว ปิน หญิงชาวจีน อายุ 35 ปี เข้าครัวไปต้มน้ำไว้สำหรับชงชา ขณะจุดไฟในเตา เธอดันลืมไปว่า ได้เก็บเงินไว้ในนั้น กว่าจะนึกได้ก็สายเสียแล้ว
ด้านนาย หวัง สามีของ ฮาว ปิน เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ รีบหอบธนบัตรไปขอแลกกับทางธนาคาร แต่ไม่สำเร็จ เพราะธนบัตรได้เสียหายไปเกินครึ่งใบ แต่สุดท้ายถึงอย่างไร ฝ่ายชายก็ไม่โกรธภรรยา เพราะรู้ว่าทำไปเพราะไม่ได้ตั้งใจ
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179761
วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ด่วนที่สุด !! ศาลพิพากษา พม่าจำเลยคดีฆ่า 2 ฝรั่งที่เกาะเต่า ว่าแบบนี้ แม่เหยื่อช็อกเป็นลม
เมื่อเวลา 09.00น. วันที่ 24 ธ.ค. ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รถควบคุมผู้ต้องขังเรือนจำอำเภอเกาะสมุยได้นำตัวนายซอริน และนายเวพิว แรงงานต่างชาติชาวเมียนมา เชื้อสายยะไข่ จำเลยในคดีฆาตกรรมนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และน.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ อายุ 24 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ บริเวณโขดหินแหลม จปร. หาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 57 ที่ผ่านมา เพื่อมาฟังศาลอ่านคำพิพากษาตัดสินในคดีนี้ที่ห้องพิจารณาคดีบัลลังท์ 6 โดยจำเลยทั้งสองมีสีหน้านิ่งเฉย ท่ามกลางกองทัพนักข่าวหลายสำนักทั้งจากไทยและต่างประเทศมารอทำข่าว
ในการฟังคำพิพากษาในวันนี้เจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ได้มาพร้อมกับพ่อและแม่ของนายเดวิด วิลเลี่ยม มิลเลอร์ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ส่วนครอบครัวของน.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ลูกของทั้งสองครอบครัวได้เสียชีวิตจากการเดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะเต่า โดยตำรวจจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าลูกได้ทั้งสองครอบครัวก็เฝ้าติดตามการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาตลอด จนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันพิจารณาคดีพวกเราก็หวังว่าความยุติธรรมจะยังคงอยู่กับครอบครัวเราทั้งสอง
ด้านครอบครัวของนายเวพิว และนายซอริน ได้เดินทางมาศาลพร้อมด้วยทีมทนายความ โดยนางพิว ชุยนุก แม่ของนายเวพิว กล่าวผ่านล่ามทั้งน้ำตาว่า ยังเชื่อมั่นว่าลูกชายของตนเองทั้งสองคนไม่ได้เป็นคนฆ่าสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษอย่างแน่นอน พร้อมกับเชื่อมั่นในความยุติธรรมของผู้พิพากษาที่จะตัดสินในวันนี้ ก่อนที่จะเข้าห้องพิจารณาคดี เพื่อฟังคำตัดสินในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้พิจารณาแล้วว่าทั้งนายเวพิว และนายซอริน มีความผิดจริง เนื่องจากมีพยานหลักฐานว่าทั้ง 2 คนฆาตกรรมนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และน.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ อายุ 24 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษจริง จึงพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 2 คน แม่ถึงกับช็อกรับไม่ได้กับสิ่งที่ลูกไม่ได้ทำทางบ้าน จำเลย กล่าว
สำหรับคดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า ได้แถลงปิดคดีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทนายของจำเลยแถลงปิดคดีเกาะเต่าขอให้ศาลยกฟ้องแรงงานชาวเมียนมา เพราะการดำเนินคดีกับจำเลยก่อนฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยรับสารภาพโดยไม่สมัครใจ ไม่มีดีเอ็นเอของจำเลยบนจอบที่ใช้ก่อเหตุฆาตกรรม กระบวนการเก็บดีเอ็นเอส่วนที่เชื่อมโยงกับจำเลยก็ขาดความน่าเชื่อถือ และโจทก์ขาดหลักฐานชิ้นสำคัญในการพิสูจน์ความผิดของจำเลย
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179717
ในการฟังคำพิพากษาในวันนี้เจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ได้มาพร้อมกับพ่อและแม่ของนายเดวิด วิลเลี่ยม มิลเลอร์ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ส่วนครอบครัวของน.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ลูกของทั้งสองครอบครัวได้เสียชีวิตจากการเดินทางมาท่องเที่ยวยังเกาะเต่า โดยตำรวจจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่าลูกได้ทั้งสองครอบครัวก็เฝ้าติดตามการทำงานของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาตลอด จนถึงวันนี้ซึ่งเป็นวันพิจารณาคดีพวกเราก็หวังว่าความยุติธรรมจะยังคงอยู่กับครอบครัวเราทั้งสอง
ด้านครอบครัวของนายเวพิว และนายซอริน ได้เดินทางมาศาลพร้อมด้วยทีมทนายความ โดยนางพิว ชุยนุก แม่ของนายเวพิว กล่าวผ่านล่ามทั้งน้ำตาว่า ยังเชื่อมั่นว่าลูกชายของตนเองทั้งสองคนไม่ได้เป็นคนฆ่าสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษอย่างแน่นอน พร้อมกับเชื่อมั่นในความยุติธรรมของผู้พิพากษาที่จะตัดสินในวันนี้ ก่อนที่จะเข้าห้องพิจารณาคดี เพื่อฟังคำตัดสินในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้พิจารณาแล้วว่าทั้งนายเวพิว และนายซอริน มีความผิดจริง เนื่องจากมีพยานหลักฐานว่าทั้ง 2 คนฆาตกรรมนายเดวิด วิลเลียม มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และน.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย วิทเธอริดจ์ อายุ 24 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษจริง จึงพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 2 คน แม่ถึงกับช็อกรับไม่ได้กับสิ่งที่ลูกไม่ได้ทำทางบ้าน จำเลย กล่าว
สำหรับคดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า ได้แถลงปิดคดีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยทนายของจำเลยแถลงปิดคดีเกาะเต่าขอให้ศาลยกฟ้องแรงงานชาวเมียนมา เพราะการดำเนินคดีกับจำเลยก่อนฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยรับสารภาพโดยไม่สมัครใจ ไม่มีดีเอ็นเอของจำเลยบนจอบที่ใช้ก่อเหตุฆาตกรรม กระบวนการเก็บดีเอ็นเอส่วนที่เชื่อมโยงกับจำเลยก็ขาดความน่าเชื่อถือ และโจทก์ขาดหลักฐานชิ้นสำคัญในการพิสูจน์ความผิดของจำเลย
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179717
วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ฝากเตือน! ครอบครัวนี้เป็นมะเร็งยกครัว 4 คน แต่เมื่อรู้สาเหตุสิ่งที่ก่อมะเร็งมันอยู่ในครัว น่ากลัวมาก!
ในประเทศจีนมีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเป็นโรคมะเร็ง หลังจากที่เธอรู้ว่าโรคร้ายได้คุกคามร่างกายของเธอเธอก็ร้องไห้ทั้งวันทั้ง คืนไม่มีหยุด ผ่านไปไม่นานลูกสาวและลูกชายของเธอก็ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเช่นกัน เท่ากับว่าทั้ง 4 ชีวิตในครอบครัวของเธอเป็นโรคมะเร็งกันทุกคน
ทุก วันนี้เริ่มมีข่าวว่าหลายๆครอบครัวมีสมาชิกครอบครัวที่เป็นมะเร็งกันมากกว่า 1 คน พวกเขาไม่ได้เป็นมะเร็งเพราะกรรมพันธุ์หรือพฤติกรรมการกิน แต่เป็นเพราะพวกเขาใช้เขียงที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้กินอาหารที่ไม่อนามัยเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจและเป็นมะเร็งกันทั้งครอบ ครัว
เหตุผล ที่ทำให้เขียงกลายเป็นสาเหตึของการเกิดมะเร็งนั้นเป็นเพราะเศษอาหารที่หลง เหลืออยู่บนเขียงสะสมสิ่งสกปรกและก่อให้เกิดสารอะฟลาทอกซินซึ่งเป็นอันตราย ต่อร่างกายมนุษย์ ถ้าหากคนเราได้รับสารอะฟลาทอกซินเพียง 1 มิลลิกรัมก็จะก่อให้เกิดเซลล์มะเร็ง และถ้าหากได้รับสารปริมาณ 20 มิลลิกรัมขึ้นไปก็จะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้!
ทางที่ดีที่สุดควรจะแยกเขียง 2 อันไว้ใช้ในครัว สำหรับของสุกและของดิบ
การทำความสะอาดโดยทั่วไปจะไม่สามารถกำจัดสารอะฟลาท๊อกซินออกไปได้ เพราะสารพิษอะฟลาทอกซินสามารถทนความร้อนได้สูงถึง 280 องศาเซลเซียส
การกำจัดสารอะฟลาทอกซิน:
1.โรย เกลือฆ่าเชื้อ: ใช้มีดขูดหน้าเขียงเพื่อขจัดเศษอาหารที่ตกข้างบนหน้าเขียวออก โรยเกลือลงบนหน้าเขียงอาทิตย์ละครั้งเพื่อฆ่าเชื้อและป้องกันหน้าเขียงไม้ แห้งแตก
2.น้ำส้มสายชูฆ่าเชื้อ: ราดน้ำส้มสายชูลงบนเขียงแล้วนำเขียงไปตากแดดจนแห้ง แล้วค่อยใช้น้ำเปล่าล้างออกให้สะอาด
3.ฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาทำความสะอาด
การรักษาความสะอาดในห้องครัวเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับเครื่องครัวที่ต้องสัมผัสโดยตรงกับอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้กินอาหารที่มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกเข้าสู่ร่างกาย!
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179586
ทุก วันนี้เริ่มมีข่าวว่าหลายๆครอบครัวมีสมาชิกครอบครัวที่เป็นมะเร็งกันมากกว่า 1 คน พวกเขาไม่ได้เป็นมะเร็งเพราะกรรมพันธุ์หรือพฤติกรรมการกิน แต่เป็นเพราะพวกเขาใช้เขียงที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้กินอาหารที่ไม่อนามัยเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจและเป็นมะเร็งกันทั้งครอบ ครัว
เหตุผล ที่ทำให้เขียงกลายเป็นสาเหตึของการเกิดมะเร็งนั้นเป็นเพราะเศษอาหารที่หลง เหลืออยู่บนเขียงสะสมสิ่งสกปรกและก่อให้เกิดสารอะฟลาทอกซินซึ่งเป็นอันตราย ต่อร่างกายมนุษย์ ถ้าหากคนเราได้รับสารอะฟลาทอกซินเพียง 1 มิลลิกรัมก็จะก่อให้เกิดเซลล์มะเร็ง และถ้าหากได้รับสารปริมาณ 20 มิลลิกรัมขึ้นไปก็จะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้!
ทางที่ดีที่สุดควรจะแยกเขียง 2 อันไว้ใช้ในครัว สำหรับของสุกและของดิบ
การทำความสะอาดโดยทั่วไปจะไม่สามารถกำจัดสารอะฟลาท๊อกซินออกไปได้ เพราะสารพิษอะฟลาทอกซินสามารถทนความร้อนได้สูงถึง 280 องศาเซลเซียส
การกำจัดสารอะฟลาทอกซิน:
1.โรย เกลือฆ่าเชื้อ: ใช้มีดขูดหน้าเขียงเพื่อขจัดเศษอาหารที่ตกข้างบนหน้าเขียวออก โรยเกลือลงบนหน้าเขียงอาทิตย์ละครั้งเพื่อฆ่าเชื้อและป้องกันหน้าเขียงไม้ แห้งแตก
2.น้ำส้มสายชูฆ่าเชื้อ: ราดน้ำส้มสายชูลงบนเขียงแล้วนำเขียงไปตากแดดจนแห้ง แล้วค่อยใช้น้ำเปล่าล้างออกให้สะอาด
3.ฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาทำความสะอาด
การรักษาความสะอาดในห้องครัวเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับเครื่องครัวที่ต้องสัมผัสโดยตรงกับอาหาร เพื่อป้องกันไม่ให้กินอาหารที่มีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกเข้าสู่ร่างกาย!
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179586
วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ขนหัวลุก !! ญาติกำลังจะเผา พอเปิดโลงดูถึงกับช็อกกันทั้งวัด ปาฏิหารมีจริง ไม่น่าเชื่อ
ฮือฮาหนุ่มช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเมืองทุ่งสง เป็นลมตาย ญาติตั้งสวดนาน 4 วัน ก่อนเผาเปิดโลงศพดูศพ ตะลึงสภาพสมบูรณ์เหมือนคนนอนหลับ เชื่อยังไม่ตายยกร่างออกจากโลงรอปาฏิหาริย์ฟื้น
กรณีญาติๆ ได้นำศพของ นายพัศกร จันทร์อุดม อายุ 40 ปี ช่างซ่อมทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าในตัวตลาด อ.ทุ่งสง ซึ่งเสียชีวิตจากการเป็นลม มาตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดชุมพล อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา 4 วัน และกำหนดเผาเย็นวานนี้ (21 ธค.) แต่ปรากฏว่าก่อนเผาขณะที่ญาติเปิดฝาโลงศพดูศพก็พบว่าร่างของนายพัศกร ยังมีสภาพสมบูรณ์ เนื้อตัวยังอุ่นอยู่คล้ายกับคนนอนหลับ ญาติๆ เชื่อกันว่ายังไม่เสียชีวิต แต่อาจจะนอนหลับอยู่ จึงพากันนำศพออกจากโลงมาตั้งไว้บนศาลาของวัด เพื่อรอปาฏิหาริย์ให้นายพัศกรฟื้นขึ้นมาตามความเชื่อ
ล่าสุดเมื่อวัน ที่ 22 ธ.ค. ที่วัดชัยชุมพล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางญาติยังเฝ้าคอยลุ้นปาฏิหาริย์ให้นายพัศกรฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ฟื้นแต่อย่างใด โดยญาติคนหนึ่ง เล่าว่า เมื่อ 5 วันที่แล้วนายพัศกร ได้ไปดื่มเบียร์ผสมน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง แล้วนอนหลับไป 2 ชั่วโมง เมื่อไปปลุกก็ไม่ตื่น จึงรีบนำส่ง รพ.ทุ่งสง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา แพทย์ระบุสาเหตุเกิดจากกรดไหลย้อน จากนั้นญาติได้พาร่างนายพัศกรมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพฯ สวดจนครบตามประเพณี และก่อนเผาได้มีการเปิดฝาโลงพบร่างนายพัศกรยังมีสภาพสมบูรณ์เหมือนคนยังไม่ เสียชีวิตคล้ายคนนอนหลับ จึงรีบนำร่างออกจากโลงมารอปาฏิหาริย์ให้ฟื้นดังกล่าว
ทั้งนี้ ญาติคนหนึ่งยังเชื่อว่าอาจจะเกิดจากที่นายพัศกรชอบเล่นไสยศาสตร์ ก่อนนอนหลับนายพัศกรเคยสั่งญาติๆ ไม่ให้ปลุก แต่ญาติเผลอไปปลุกอาจจะทำให้วิญญาณเข้าร่างไม่ทัน ซึ่งล่าสุดทางญาติกำลังตามหมอไสยศาสตร์มาทำพิธีเพื่อเชิญวิญญาณกลับเข้าร่าง ท่ามกลางความฮือฮาของชาวทุ่งสงที่ทราบเรื่องราวดังกล่าวอยู่ในขณะนี้.
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179647
กรณีญาติๆ ได้นำศพของ นายพัศกร จันทร์อุดม อายุ 40 ปี ช่างซ่อมทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าในตัวตลาด อ.ทุ่งสง ซึ่งเสียชีวิตจากการเป็นลม มาตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดชุมพล อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา 4 วัน และกำหนดเผาเย็นวานนี้ (21 ธค.) แต่ปรากฏว่าก่อนเผาขณะที่ญาติเปิดฝาโลงศพดูศพก็พบว่าร่างของนายพัศกร ยังมีสภาพสมบูรณ์ เนื้อตัวยังอุ่นอยู่คล้ายกับคนนอนหลับ ญาติๆ เชื่อกันว่ายังไม่เสียชีวิต แต่อาจจะนอนหลับอยู่ จึงพากันนำศพออกจากโลงมาตั้งไว้บนศาลาของวัด เพื่อรอปาฏิหาริย์ให้นายพัศกรฟื้นขึ้นมาตามความเชื่อ
ล่าสุดเมื่อวัน ที่ 22 ธ.ค. ที่วัดชัยชุมพล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางญาติยังเฝ้าคอยลุ้นปาฏิหาริย์ให้นายพัศกรฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ฟื้นแต่อย่างใด โดยญาติคนหนึ่ง เล่าว่า เมื่อ 5 วันที่แล้วนายพัศกร ได้ไปดื่มเบียร์ผสมน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง แล้วนอนหลับไป 2 ชั่วโมง เมื่อไปปลุกก็ไม่ตื่น จึงรีบนำส่ง รพ.ทุ่งสง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา แพทย์ระบุสาเหตุเกิดจากกรดไหลย้อน จากนั้นญาติได้พาร่างนายพัศกรมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพฯ สวดจนครบตามประเพณี และก่อนเผาได้มีการเปิดฝาโลงพบร่างนายพัศกรยังมีสภาพสมบูรณ์เหมือนคนยังไม่ เสียชีวิตคล้ายคนนอนหลับ จึงรีบนำร่างออกจากโลงมารอปาฏิหาริย์ให้ฟื้นดังกล่าว
ทั้งนี้ ญาติคนหนึ่งยังเชื่อว่าอาจจะเกิดจากที่นายพัศกรชอบเล่นไสยศาสตร์ ก่อนนอนหลับนายพัศกรเคยสั่งญาติๆ ไม่ให้ปลุก แต่ญาติเผลอไปปลุกอาจจะทำให้วิญญาณเข้าร่างไม่ทัน ซึ่งล่าสุดทางญาติกำลังตามหมอไสยศาสตร์มาทำพิธีเพื่อเชิญวิญญาณกลับเข้าร่าง ท่ามกลางความฮือฮาของชาวทุ่งสงที่ทราบเรื่องราวดังกล่าวอยู่ในขณะนี้.
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179647
วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558
แม่ช็อก! นอนหลับสบายตื่นมาลูกวัย 10 ขวบตายคาที่ เพราะความประมาทกับเรื่องแค่นี้!
เด็กชายชาวมาเลเซียวัย 10 ปี ตกจากระเบียงชั้น 6 โรงแรมดับปริศนา หลังมาเที่ยวหาดใหญ่พร้อมกับครอบครัว ด้านเจ้าหน้าที่คาดผู้ตายอาจเดินละเมอจนพลัดหล่นลงมาหรือมายืนรับลมจนเกิด อุบัติเหตุ
เมื่อ วันที่ 19 ธ.ค. ร.ต.ท.กิตติทัศน์ หนูเมือง พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งเหตุมีผู้พลัดตกจากอาคารสูงเสียชีวิต ที่บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนฉายากุล ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน แพทย์ รพ.หาดใหญ่ และหน่วยกู้ภัยมิตรภาพสามัคคี ท่งเซียเซียเซี่ยงตึ้งหาดใหญ่ จุดเกิดเหตุอยู่ตรงลานจอดรถด้านหลังของโรงแรม พบศพ ด.ช.ฟาม ซอง เฮง อายุ 10 ปี สัญชาติมาเลเซีย นอนเสียชีวิตอยูในสภาพกระดูกหลังหัก ศีรษะแตกจากการกระแทกพื้นอย่างรุนแรง โดยมีญาติๆของผู้ตายกอดศพร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
สอบ สวนเบื้องต้นทราบว่า เด็กชายผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ที่รัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย และได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ พร้อมกับญาติพี่น้อง รวม 6 คน ตั้งแต่เมื่อ 2 วัน และได้เข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว โดยมีกำหนดจะเดินทางกลับมาเลเซียในช่วงเช้าของวันนี้ ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้นอนอยู่กับย่าและน้องชายอีกคนที่บริเวณห้องพักชั้น 6 ส่วนพ่อและแม่ของผู้ตายแยกพักอยู่ที่ชั้น 3 ซึ่งผู้ตายได้พลัดตกลงมาเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุในขณะที่ทุกคนกำลังหลับ สนิท กระทั่งมีเจ้าหน้าที่โรงแรมมาพบศพ จึงนำเรื่องมาแจ้งให้ทราบ
อย่าง ไรก็ตาม ทางญาติของเด็กชายที่เสียชีวิตไม่เชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่จะทำให้กระโดดลงมา อีกทั้งผู้ตายก็เป็นเด็กร่าเริง และก่อนหน้าจะเสียชีวิตก็มีอาการปกติดีทุกอย่าง ทางตำรวจจึงสันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจนอนไม่หลับ จึงออกมายืนเล่นรับลมตรงระเบียงห้องพักแล้วพลัดตกลงมา หรือผู้ตายอาจจะละเมอเดินออกจากห้อง และปีนระเบียงกระโดดลงมา ซึ่งทางตำรวจจะเร่งสืบสวนสอบสวน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179552
เมื่อ วันที่ 19 ธ.ค. ร.ต.ท.กิตติทัศน์ หนูเมือง พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งเหตุมีผู้พลัดตกจากอาคารสูงเสียชีวิต ที่บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนฉายากุล ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน แพทย์ รพ.หาดใหญ่ และหน่วยกู้ภัยมิตรภาพสามัคคี ท่งเซียเซียเซี่ยงตึ้งหาดใหญ่ จุดเกิดเหตุอยู่ตรงลานจอดรถด้านหลังของโรงแรม พบศพ ด.ช.ฟาม ซอง เฮง อายุ 10 ปี สัญชาติมาเลเซีย นอนเสียชีวิตอยูในสภาพกระดูกหลังหัก ศีรษะแตกจากการกระแทกพื้นอย่างรุนแรง โดยมีญาติๆของผู้ตายกอดศพร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
สอบ สวนเบื้องต้นทราบว่า เด็กชายผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ที่รัฐมะละกา ประเทศมาเลเซีย และได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ พร้อมกับญาติพี่น้อง รวม 6 คน ตั้งแต่เมื่อ 2 วัน และได้เข้าพักที่โรงแรมดังกล่าว โดยมีกำหนดจะเดินทางกลับมาเลเซียในช่วงเช้าของวันนี้ ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้นอนอยู่กับย่าและน้องชายอีกคนที่บริเวณห้องพักชั้น 6 ส่วนพ่อและแม่ของผู้ตายแยกพักอยู่ที่ชั้น 3 ซึ่งผู้ตายได้พลัดตกลงมาเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุในขณะที่ทุกคนกำลังหลับ สนิท กระทั่งมีเจ้าหน้าที่โรงแรมมาพบศพ จึงนำเรื่องมาแจ้งให้ทราบ
อย่าง ไรก็ตาม ทางญาติของเด็กชายที่เสียชีวิตไม่เชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่จะทำให้กระโดดลงมา อีกทั้งผู้ตายก็เป็นเด็กร่าเริง และก่อนหน้าจะเสียชีวิตก็มีอาการปกติดีทุกอย่าง ทางตำรวจจึงสันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจนอนไม่หลับ จึงออกมายืนเล่นรับลมตรงระเบียงห้องพักแล้วพลัดตกลงมา หรือผู้ตายอาจจะละเมอเดินออกจากห้อง และปีนระเบียงกระโดดลงมา ซึ่งทางตำรวจจะเร่งสืบสวนสอบสวน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179552
วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558
โจ๋ทำปืนลั่นใส่เบ้าตาตัวเองดับสยอง เรื่องกลับตาละปัดเมื่อสืบพบอะไรบางอย่าง แฟนถึงกับน้ำตาไหล!
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. ร.ต.ท.ธนวัฒน์ ชีวิตโสภณ ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืน เหตุเกิดภายในแฟลตเอื้ออาทร 2 (วัดกู้) ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ณฐพล ศุกระศร รอง ผบก. พ.ต.ท.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พิทยากร เพชรรัตน์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ศุภชัย ไตรสมบูรณ์ รอง ผกก.วท.พฐ. พ.ต.ต.ประสิทธิ์ วิรัตยาภรณ์ สว.สส. แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มูลนิธิป่อเต๊กตึ้ง
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้นที่ 4 พบศพนายสุทธิวัฒน์ หรือปอ เนตรทิพย์ อายุ 20 ปี นอนเสียชีวิตอยู่กลางห้องมีบาดแผลถูกกระสุนปืน ขนาด .38 ที่เบ้าตาขวา เลือดไหลนอง ข้างศพพบอาวุธปืนปากกาตกอยู่โดยมี น.ส.ปวริศา ศรีวุฒิเสถียร 20 ปี แฟนสาวร่ำไห้อยู่ข้างศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกันออกนอกที่เกิดเหตุ เพื่อทำการตรวจสอบ
นายณัฐวุฒิ วัฒนะ อายุ 19 ปี เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ตนและผู้ตายเรียนเคยอยู่ด้วยกันที่โรงเรียนเทคนิคปทุมธานี เมื่อผู้ตายเรียนจบมาได้ 2 ปี ส่วนตนเรียนไม่จบ จึงได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ปี 1 ก่อนเกิดเหตุตนและนายณัฐพล ช่างต่อ อายุ 20 ปี เพื่อนสนิทกันสมัยเรียนมัธยม มาหาผู้ตายที่ห้องและนั่งพูดคุยพูดคุยกัน โดยมีแฟนสาวของผู้ตายนั่งเล่นกับสุนัขอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง จู่ๆ ผู้ตายก็หยิบอาวุธปืนปากกาจากตู้เสื้อผ้าออกมาโชว์ตนและเพื่อน ตนเห็นเข้าจึงร้องห้ามกลัวปืนจะลั่น และถามว่ามีลูกกระสุนหรือเปล่า ปรากฎว่าผู้ตายเอาปืนจ่อเข้าที่เบ้าตาขวา ตัวเอง พร้อมทั้งพูดว่าไม่ต้องตกใจหรอกปืนไม่มีลูก ก่อนจะลั่นไกขึ้นจนเสียงดังสนั่น ร่างผู้ตายล้มหงายเสียชีวิตทันที ท่ามกลางความตกใจของตน เพื่อน รวมทั้งแฟนสาวของผู้ตาย จากนั้นจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เบื้องต้นชุดสืบสวนเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุที่คนตายนำปืนมาเล่นอวดเพื่อน โดยคิดว่าไม่มีกระสุนจึงทำให้เกิดเหตุสลดขึ้นอย่างไรก็ พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รอง ผบก. สั่งการให้เจ้าหน้าที่วิทยาการตรวจเขม่าดินปืนที่มือของนายณัฐวุฒิ นายณัฐพลและแฟนสาวผู้ตาย เพื่อหาเขม่าดินปืนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายสุทธิวัฒน์หรือไม่ ก่อนจะมอบศพให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อผ่าหาหัวกระสุน และสาเหตุการเสียชีวิต
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำนายณัฐวุฒิ และนายณัฐพล เพื่อนของผู้ตายอย่างเคร่งเครียด จนนายณัฐวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า หลังจากที่นายสุทธิวัฒน์ ผู้ตายนำปืนปากกาออกมาให้ดู นายณัฐวุฒิก็หยิบมาเล่น แต่ไม่ทันระวัง กระสุนปืนจึงลั่นใส่หน้านายสุทธิวัฒน์จนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าคนตาย นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179516
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้นที่ 4 พบศพนายสุทธิวัฒน์ หรือปอ เนตรทิพย์ อายุ 20 ปี นอนเสียชีวิตอยู่กลางห้องมีบาดแผลถูกกระสุนปืน ขนาด .38 ที่เบ้าตาขวา เลือดไหลนอง ข้างศพพบอาวุธปืนปากกาตกอยู่โดยมี น.ส.ปวริศา ศรีวุฒิเสถียร 20 ปี แฟนสาวร่ำไห้อยู่ข้างศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกันออกนอกที่เกิดเหตุ เพื่อทำการตรวจสอบ
นายณัฐวุฒิ วัฒนะ อายุ 19 ปี เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ตนและผู้ตายเรียนเคยอยู่ด้วยกันที่โรงเรียนเทคนิคปทุมธานี เมื่อผู้ตายเรียนจบมาได้ 2 ปี ส่วนตนเรียนไม่จบ จึงได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ปี 1 ก่อนเกิดเหตุตนและนายณัฐพล ช่างต่อ อายุ 20 ปี เพื่อนสนิทกันสมัยเรียนมัธยม มาหาผู้ตายที่ห้องและนั่งพูดคุยพูดคุยกัน โดยมีแฟนสาวของผู้ตายนั่งเล่นกับสุนัขอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง จู่ๆ ผู้ตายก็หยิบอาวุธปืนปากกาจากตู้เสื้อผ้าออกมาโชว์ตนและเพื่อน ตนเห็นเข้าจึงร้องห้ามกลัวปืนจะลั่น และถามว่ามีลูกกระสุนหรือเปล่า ปรากฎว่าผู้ตายเอาปืนจ่อเข้าที่เบ้าตาขวา ตัวเอง พร้อมทั้งพูดว่าไม่ต้องตกใจหรอกปืนไม่มีลูก ก่อนจะลั่นไกขึ้นจนเสียงดังสนั่น ร่างผู้ตายล้มหงายเสียชีวิตทันที ท่ามกลางความตกใจของตน เพื่อน รวมทั้งแฟนสาวของผู้ตาย จากนั้นจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เบื้องต้นชุดสืบสวนเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุที่คนตายนำปืนมาเล่นอวดเพื่อน โดยคิดว่าไม่มีกระสุนจึงทำให้เกิดเหตุสลดขึ้นอย่างไรก็ พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รอง ผบก. สั่งการให้เจ้าหน้าที่วิทยาการตรวจเขม่าดินปืนที่มือของนายณัฐวุฒิ นายณัฐพลและแฟนสาวผู้ตาย เพื่อหาเขม่าดินปืนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายสุทธิวัฒน์หรือไม่ ก่อนจะมอบศพให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อผ่าหาหัวกระสุน และสาเหตุการเสียชีวิต
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำนายณัฐวุฒิ และนายณัฐพล เพื่อนของผู้ตายอย่างเคร่งเครียด จนนายณัฐวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า หลังจากที่นายสุทธิวัฒน์ ผู้ตายนำปืนปากกาออกมาให้ดู นายณัฐวุฒิก็หยิบมาเล่น แต่ไม่ทันระวัง กระสุนปืนจึงลั่นใส่หน้านายสุทธิวัฒน์จนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าคนตาย นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179516
วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ทอมทุ่มเทเพื่อแฟนสาว หาเงินเพื่อแฟนมีเงินใช้ รู้ตัวว่าคิดผิดชีวิตแทบล่มสลาย เพราะเหตุนี้
สาวทอมที่สัตหีบ ทำงานเป็นแคดดี้สนามกอล์ฟบังหน้า แต่เบื้องหลังเป็นเอเย่นต์ยาบ้าขายให้วัยรุ่นในพื้นที่ นอภ.ส่งสายล่อซื้อ ก่อนตามไปจับตัวได้ขณะกบดานอยู่กับแฟนในห้อง สารภาพค้ายาบ้าหาเงินส่งเสียเลี้ยงดูแฟนสาว...
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 8 ธ.ค.58 นายนรเสฏฐ์ ศรีตะพัสโส นายอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมด้วย นายชวัฒน์ เทพทัพ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และนำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสัตหีบวางแผนส่งสายลับติดต่อซื้อยาเสพติด ก่อนจับกุมตัวเอเย่นต์ คือ น.ส.จันจิรา หรือ เนะ สัมมาชีวะ อายุ 22 ปี อาชีพแคดดี้สนามกอล์ฟ สาวทอม พร้อมของกลางยาบ้า 2 เม็ด ธนบัตรล่อซื้อ 500 บาท และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า MSX สีแดง ทะเบียน 1กฌ 8058 ระยอง ได้ภายในห้องพักคนงาน ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
นายนรเสฏฐ์ ศรีตะพัสโส นายอำเภอสัตหีบ เปิดเผยว่า ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหา ลักลอบจำหน่ายยาบ้า ให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ โดยประกอบอาชีพแคดดี้บังหน้า จึงให้สายลับโทรศัพท์ติดต่อสั่งซื้อยาบ้า 2 เม็ด ในราคา 500 บาท ต่อมาผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์ นำยาบ้ามาส่งมอบให้สายลับ ยังจุดนัดพบริมถนนหน้าศาลาแดง ก่อนจะหนีไปกบดานอยู่กับแฟนสาวในห้องพักคนงาน จนนำไปสู่การติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
เบื้องต้น จากการสอบสวร น.ส.จันจิรา ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าที่นำมาจำหน่ายซื้อมาจาก นายขาว อายุประมาณ 20 ปี วัยรุ่นในชุมชนเวียนคืนกองทัพเรือ ในราคาเม็ดละ 200 บาท ก่อนนำมาจำหน่ายในราคา 250 บาท เพื่อนำเงินไปส่งเสียเลี้ยงดูแฟนสาว
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179283
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 8 ธ.ค.58 นายนรเสฏฐ์ ศรีตะพัสโส นายอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมด้วย นายชวัฒน์ เทพทัพ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และนำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสัตหีบวางแผนส่งสายลับติดต่อซื้อยาเสพติด ก่อนจับกุมตัวเอเย่นต์ คือ น.ส.จันจิรา หรือ เนะ สัมมาชีวะ อายุ 22 ปี อาชีพแคดดี้สนามกอล์ฟ สาวทอม พร้อมของกลางยาบ้า 2 เม็ด ธนบัตรล่อซื้อ 500 บาท และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า MSX สีแดง ทะเบียน 1กฌ 8058 ระยอง ได้ภายในห้องพักคนงาน ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
นายนรเสฏฐ์ ศรีตะพัสโส นายอำเภอสัตหีบ เปิดเผยว่า ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหา ลักลอบจำหน่ายยาบ้า ให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ โดยประกอบอาชีพแคดดี้บังหน้า จึงให้สายลับโทรศัพท์ติดต่อสั่งซื้อยาบ้า 2 เม็ด ในราคา 500 บาท ต่อมาผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์ นำยาบ้ามาส่งมอบให้สายลับ ยังจุดนัดพบริมถนนหน้าศาลาแดง ก่อนจะหนีไปกบดานอยู่กับแฟนสาวในห้องพักคนงาน จนนำไปสู่การติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
เบื้องต้น จากการสอบสวร น.ส.จันจิรา ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าที่นำมาจำหน่ายซื้อมาจาก นายขาว อายุประมาณ 20 ปี วัยรุ่นในชุมชนเวียนคืนกองทัพเรือ ในราคาเม็ดละ 200 บาท ก่อนนำมาจำหน่ายในราคา 250 บาท เพื่อนำเงินไปส่งเสียเลี้ยงดูแฟนสาว
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179283
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558
สุดสะเทือนใจ !! เด็ก 5 ขวบใจสลาย ที่ต้องเห็นภาพบาดตาบาดใจ แบบนี้ ขอแสดงความเสียใจด้วยคะ
(7 ธ.ค.58) เมื่อเวลา 07.30 น. ร.ต.ท.มนตรี รัตนพันธ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.คูคต ได้รับแจ้งเหตุแทงกันตายในซอยเปียร์นนท์ หมู่บ้านฉัตรณรงค์ 4 ม.3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น บริเวณประตูหน้าบ้านพบผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย หญิง 1 ราย นอนกอดกันอยู่มีเลือดท่วมตัวทั้ง 2 ราย เป็นหญิงสาวอายุประมาณ 28 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่บริเวณหน้าอก 3 แผล และชายอายุประมาณ 42 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่บริเวณหน้าอก 1 แผล และมีมีดปลายแหลมประมาณ 1 ฟุตเสียบคาอยู่ที่หน้าอก 1 เล่ม
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ในบ้านหลังดังกล่าวยังพบลูกของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ร้องไห้อยู่ เป็นเด็กผู้ชาย 1 คน อายุ 7 ขวบ และเด็กผู้หญิง 1 คน อายุ 5 ขวบ ทางญาติได้นำตัวเด็กทั้ง 2 คน ออกไปจากที่เกิดเหตุก่อนแล้ว เพราะไม่อยากให้เด็กเห็นภาพสะเทือนใจ
สอบถามญาติของผู้ตายทั้ง 2 คน กล่าวว่า ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ผู้ชายทำงานรับจ้างเป็นช่างไฟฟ้า ส่วนผู้หญิงเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงาน ทั้ง 2 คน ชอบทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ จนเพื่อนบ้านข้างเคียงไม่อยากมีใครสนใจ จนเมื่อช่วงเช้ามีเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้บ้านผู้ตายมาบอกว่าทั้ง 2 คนทะเลาะกัน และภรรยาวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ
แต่สามีวิ่งตามมาและทั้งคู่ก็นอนแน่นิ่งไป ตนจึงรีบวิ่งมาดูเห็นหลานทั้ง 2 คนยืนร้องไห้อยู่ จึงนำตัวออกมาก่อนและได้เข้าไปดูทั้ง 2 คนปรากฏว่าเสียชีวิตแล้ว จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบ
นางพะเยาว์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกล่าวว่า ผู้ตายทั้ง 2 คน มักจะมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจ ำจนชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงไม่อยากยุ่ง เพราะเคยเข้าไปห้ามหลายครั้งแล้วแต่กลับโดนผู้ตายฝ่ายชายด่าว่าออกมา และเมื่อเช้าผู้ตายทั้ง 2 คน ก็ทะเลาะกันอีก แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว คาดว่าสามีแทงภรรยาเสียชีวิตก่อนจากนั้นจึงแทงตัวเองตายตาม ส่วนสาเหตุที่สามีลงมือก่อเหตุคาดว่าน่าจะมาจากการหึงหวง เพราะภรรยาอายุน้อยกว่าและมีปากเสียงกันบ่อย
และได้เชิญตัวญาติผู้เสียชีวิตไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.คูคต อีกครั้งหนึ่งส่วนผู้เสียชีวิตได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179258
ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น บริเวณประตูหน้าบ้านพบผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย หญิง 1 ราย นอนกอดกันอยู่มีเลือดท่วมตัวทั้ง 2 ราย เป็นหญิงสาวอายุประมาณ 28 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่บริเวณหน้าอก 3 แผล และชายอายุประมาณ 42 ปี ถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่บริเวณหน้าอก 1 แผล และมีมีดปลายแหลมประมาณ 1 ฟุตเสียบคาอยู่ที่หน้าอก 1 เล่ม
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ในบ้านหลังดังกล่าวยังพบลูกของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน ร้องไห้อยู่ เป็นเด็กผู้ชาย 1 คน อายุ 7 ขวบ และเด็กผู้หญิง 1 คน อายุ 5 ขวบ ทางญาติได้นำตัวเด็กทั้ง 2 คน ออกไปจากที่เกิดเหตุก่อนแล้ว เพราะไม่อยากให้เด็กเห็นภาพสะเทือนใจ
สอบถามญาติของผู้ตายทั้ง 2 คน กล่าวว่า ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ผู้ชายทำงานรับจ้างเป็นช่างไฟฟ้า ส่วนผู้หญิงเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงาน ทั้ง 2 คน ชอบทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ จนเพื่อนบ้านข้างเคียงไม่อยากมีใครสนใจ จนเมื่อช่วงเช้ามีเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้บ้านผู้ตายมาบอกว่าทั้ง 2 คนทะเลาะกัน และภรรยาวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ
แต่สามีวิ่งตามมาและทั้งคู่ก็นอนแน่นิ่งไป ตนจึงรีบวิ่งมาดูเห็นหลานทั้ง 2 คนยืนร้องไห้อยู่ จึงนำตัวออกมาก่อนและได้เข้าไปดูทั้ง 2 คนปรากฏว่าเสียชีวิตแล้ว จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบ
นางพะเยาว์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกล่าวว่า ผู้ตายทั้ง 2 คน มักจะมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจ ำจนชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงไม่อยากยุ่ง เพราะเคยเข้าไปห้ามหลายครั้งแล้วแต่กลับโดนผู้ตายฝ่ายชายด่าว่าออกมา และเมื่อเช้าผู้ตายทั้ง 2 คน ก็ทะเลาะกันอีก แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว คาดว่าสามีแทงภรรยาเสียชีวิตก่อนจากนั้นจึงแทงตัวเองตายตาม ส่วนสาเหตุที่สามีลงมือก่อเหตุคาดว่าน่าจะมาจากการหึงหวง เพราะภรรยาอายุน้อยกว่าและมีปากเสียงกันบ่อย
และได้เชิญตัวญาติผู้เสียชีวิตไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.คูคต อีกครั้งหนึ่งส่วนผู้เสียชีวิตได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179258
วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ได้รับโทรศัพท์จากอา แม่ตายเพราะโจรขึ้นบ้าน พอถึงงานศพกำลังไหว้เกิดไฟดับ หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ทำน้ำตาไหล
เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณน้ำ น้ำอาศัยอยู่กับแม่ 2 คน ที่จังหวัดนครสวรรค์ พ่อน้ำเสียไปแล้วตั้งแต่เด็กๆ และน้ำก็ได้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และก็ทำงานต่อเลย.. ทุกๆ วันแม่จะโทรมาหาน้ำ ถามว่า ทำอะไรอยู่ กินอะไรรึยัง นอนรึยัง คำถามเดิมๆ ที่แม่ก็ไม่เคยเบื่อที่จะถาม.. และน้ำก็ตอบไปแบบเดิมๆ ใช้เวลาคุยกับแม่ครั้งนึงไม่กี่นาที น้ำก็ตัดบทวางไป.. ตอนนั้นน้ำเพิ่งมีแฟน ชื่อพี น้ำใช้เวลาส่วนมาก หมดไปกับการคุยโทรศัพท์กับพี.. และด้วยความที่ต้องทำงานหนัก กับติดแฟน ทำให้น้ำแทบไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่เลย
คุณน้ำเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยน้ำเสียงสั่นว่า.. คืนวันหนึ่งขณะเราคุยโทรศัพท์กับพี แม่ก็โทรมาหาเป็นสายซ้อน เราก็ไม่ได้รับ เพราะคิดในใจว่า ก็คงโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนทุกวัน หลังจากวางสายจากพี เราก็นอนหลับโดยที่ก็ไม่ได้โทรกลับหาแม่
พอเช้ามา เราก็ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ เป็นอาของเราโทรมาหาด้วยเสียงสั่นๆ บอกว่าตั้งใจฟังดีๆนะ.. เมื่อคืนนี้โจรขึ้นบ้านแม่ และแม่ก็ขัดขืน ต่อสู้ จนกระทั่งถูกแทงเข้าที่ท้องเสียชีวิต แต่ตอนที่ไปเจอศพ แม่แกถือโทรศัพท์อยู่แน่นเลย และในรายการโทรออก กลับไม่มีเบอร์ตำรวจหรือ เบอร์โรงพยาบาล มีแต่เบอร์ของเรา.. เมื่อเราได้ยินแบบนั้น น้ำตาเราก็ไหลอาบแก้มทันที เพราะสายซ้อนเมื่อคืน คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่ต้องการ คือได้ยินเสียงของเรา เพื่อบอกลา..
หลังจากนั้น ที่งานศพแม่ที่นครสวรรค์.. ขณะที่เรากับพี เข้าไปจุดธูปไหว้ที่โลงศพแม่ จู่ๆ ไฟก็ดับทั้งศาลา มืดไปหมด ทุกคนในงาน ต่างก็ใช้ไฟจากมือถือส่องกัน เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ไหว้ต่อจนเสร็จ สักครู่เดียวไฟก็ติดขึ้นมาอีกครั้ง เราก็เห็นพีนั่งหน้าซีด เลยถามว่าเป็นอะไร? พีบอกว่า เมื่อกี้ตอนที่เราไหว้โลงศพ พอไฟดับแล้วพีเปิดไฟที่มือถือขึ้นมา พีส่องเห็นตรงที่ที่เราก้มกราบลงไป มีเท้าคนยืนอยู่ และก็มีน้ำหยดลงมาที่พื้น แต่พอมองขึ้นไปกลับว่างเปล่า และไฟก็ติดขึ้นมา..
ตอนนั้นฟังดูน่ากลัว แต่เรากลับไม่มีความกลัวเลย แต่กลับรู้สึกเศร้าจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะนั่นคงจะเป็นวิญญาณของแม่เรา มายืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นได้.. ถึงตรงนี้ เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไปแล้ว.. ทุกวันนี้เรานั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆให้แม่ฟัง แต่คงไม่มีอีกแล้ว
*เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าขานกันมาโปรดใช้วิจารณญาณในการคิดอ่าน
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179225
คุณน้ำเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยน้ำเสียงสั่นว่า.. คืนวันหนึ่งขณะเราคุยโทรศัพท์กับพี แม่ก็โทรมาหาเป็นสายซ้อน เราก็ไม่ได้รับ เพราะคิดในใจว่า ก็คงโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนทุกวัน หลังจากวางสายจากพี เราก็นอนหลับโดยที่ก็ไม่ได้โทรกลับหาแม่
พอเช้ามา เราก็ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ เป็นอาของเราโทรมาหาด้วยเสียงสั่นๆ บอกว่าตั้งใจฟังดีๆนะ.. เมื่อคืนนี้โจรขึ้นบ้านแม่ และแม่ก็ขัดขืน ต่อสู้ จนกระทั่งถูกแทงเข้าที่ท้องเสียชีวิต แต่ตอนที่ไปเจอศพ แม่แกถือโทรศัพท์อยู่แน่นเลย และในรายการโทรออก กลับไม่มีเบอร์ตำรวจหรือ เบอร์โรงพยาบาล มีแต่เบอร์ของเรา.. เมื่อเราได้ยินแบบนั้น น้ำตาเราก็ไหลอาบแก้มทันที เพราะสายซ้อนเมื่อคืน คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่ต้องการ คือได้ยินเสียงของเรา เพื่อบอกลา..
หลังจากนั้น ที่งานศพแม่ที่นครสวรรค์.. ขณะที่เรากับพี เข้าไปจุดธูปไหว้ที่โลงศพแม่ จู่ๆ ไฟก็ดับทั้งศาลา มืดไปหมด ทุกคนในงาน ต่างก็ใช้ไฟจากมือถือส่องกัน เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ไหว้ต่อจนเสร็จ สักครู่เดียวไฟก็ติดขึ้นมาอีกครั้ง เราก็เห็นพีนั่งหน้าซีด เลยถามว่าเป็นอะไร? พีบอกว่า เมื่อกี้ตอนที่เราไหว้โลงศพ พอไฟดับแล้วพีเปิดไฟที่มือถือขึ้นมา พีส่องเห็นตรงที่ที่เราก้มกราบลงไป มีเท้าคนยืนอยู่ และก็มีน้ำหยดลงมาที่พื้น แต่พอมองขึ้นไปกลับว่างเปล่า และไฟก็ติดขึ้นมา..
ตอนนั้นฟังดูน่ากลัว แต่เรากลับไม่มีความกลัวเลย แต่กลับรู้สึกเศร้าจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะนั่นคงจะเป็นวิญญาณของแม่เรา มายืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นได้.. ถึงตรงนี้ เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไปแล้ว.. ทุกวันนี้เรานั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆให้แม่ฟัง แต่คงไม่มีอีกแล้ว
*เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าขานกันมาโปรดใช้วิจารณญาณในการคิดอ่าน
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179225
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558
10 โรคแปลกประหลาดน่าสยดสยอง ที่สร้างความเจ็บปวดทรมานจนคุณอยากตาย
โรคภัยเจ็บป่วยเป็นหนึ่งปัญหาที่มนุษย์ไม่สามารหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถป้องกันได้ ซึ่งบางโรคนั้นก็อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด โดยมีสาเหตุมาจากสิ่งใกล้ตัว เหมือนกับ 10 โรคต่อไปนี้ที่เป็นอาหารป่วยที่น่าสยดสยองและสร้างความเจ็บป่วยทรมานให้มากจนอยากตาย
1. Guinea worm เป็นปรสิตเก่าแก่ชนิดหนึ่งของโลกที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ พบได้ในแอฟริกา อินเดีย ปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย และเยเมน มันจะเข้าสู่ร่างกายได้หากดื่มน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติโดยไม่ได้ต้มสุก หลังจากที่มันเข้าสู่ร่างกายมันจะชอนไชจากลำไส้ไปทั่วร่างกายทำให้เกิดแผลที่ ขา ข้อเท้า เท้า ลำตัว หรือแม้ตาในลูกตา ทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก
โดยมันมีขนาดลำตัวยาวถึง 1 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งการรักษามีทางเดียวคือต้องนำมันออกมรจากร่างกาย ไม่ว่าจะด้วยการผ่าตัด หรือบางทีมันจะชอนไชโผล่ออกมาบริเวณแผลที่ผิวหนังจากนั้นก็ต้องค่อยๆ ดึงมันออกมา ห้ามไม่ให้ขาดเด็ดขาด ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายวัน หรืออาจนานถึงสัปดาห์เลยทีเดียว
2. Fish Odor Syndrome เป็นโรคเกี่ยวกับ "กลิ่นตัว" ที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมและไม่สามารถรักษาให้หายได้ โดยจะมีกลิ่นตัวเหม็นคล้ายกลิ่นของปลาเน่า มีสาเหตุมาจากความผิดปกติในการเผาผลาญอาหารที่ขาดเอ็นไซม์ จนส่งให้ปัสสาวะ ลมหายใจ และเหงื่อ มีกลิ่นเหม็นเหมือนปลาเน่า
3. Cancrum Oris หรือโรคมะเร็งช่องปาก เป็นโรคที่เกิดจากติดเชื้อและพบได้บ่อยในคนที่เป็นโรคขาดสารอาหาร ส่งผลให้เนื้อเยื่อในช่องปากและขากรรไกรฟันตายประมาณร้อยละ 70 - 90 ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะรอดชีวิตจากโรคนี้ แต่ถ้าใครรอดมาได้ก็ต้องทำการผ่าตัดซับซ้อนมาก
4. Cornu Cutaneum เป็นเนื้องอกหายากที่เกิดจากความผิดปกติของผิวหนัง โดยจะมีเหมือนเขางอกออกมาจากบริเวณผิวหนัง รักษาได้ด้วยการผ่าตัด
5. Filarial worm เป็นโรคที่เกิดจากพยาธิชนิดเดียวกับโรคเท้าช้าง ซึ่งมันจะอาศัยอยู่ในดวงตา จนทำให้ตาบอดได้ ซึ่งพยาธิชนิดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้คนตาบอดได้มากเป็นอันดับสองของโลกเลยทีเดียว
6. Madura Foot เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อราเรื้อรัง หรือที่รู้จักกันดีว่า Eumycetoma ซึ่งเชื้อราเหล่านี้จะแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อกระดูก ถ้ารักษาไม่ทันอาจต้องตัดมือ ขา แขน หรือข้อเท้าทิ้งได้
7. Pica Syndrome โรคกินของที่ไม่ใช่อาหารหรือกินของที่กินไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งของแปลกๆ มักเกิดขึ้นบ่อยในหญิงตั้งครรภ์ และยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
8. Elephantiasis หรือโรคเท้าช้าง เกิดขึ้นโดยมียุงเป็นพาหะนำพยาธิเข้าสู่ร่างกายคน ทำให้เกิดการอุดตันของระบบน้ำเหลือง ส่งผลให้อวัยวะทั่วร่างกายบวมได้ โดยเฉพาะขา เท้า และอวัยวะเพศ
9. Polyglandular Addison's Disease โรคที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการทำงานของหมวกไต ส่งผลกระทบต่อการตอบสนองของร่างกาย
10. Harlequin Ichthyosis/เด็กดักแด้ เป็นโรคทางพันธุกรรมที่หาพบได้ยากมาก มีผลต่อผิวของเด็กทารก จะมีลักษณะผิวหนังเหมือนเกล็ดปลาเกิดรอยแตกได้ง่าย และรอยแตกเหล่านี้อาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งระคายเคืองอื่นๆ ได้ง่าย จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179183
1. Guinea worm เป็นปรสิตเก่าแก่ชนิดหนึ่งของโลกที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำ พบได้ในแอฟริกา อินเดีย ปากีสถาน ซาอุดิอาระเบีย และเยเมน มันจะเข้าสู่ร่างกายได้หากดื่มน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติโดยไม่ได้ต้มสุก หลังจากที่มันเข้าสู่ร่างกายมันจะชอนไชจากลำไส้ไปทั่วร่างกายทำให้เกิดแผลที่ ขา ข้อเท้า เท้า ลำตัว หรือแม้ตาในลูกตา ทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก
โดยมันมีขนาดลำตัวยาวถึง 1 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งการรักษามีทางเดียวคือต้องนำมันออกมรจากร่างกาย ไม่ว่าจะด้วยการผ่าตัด หรือบางทีมันจะชอนไชโผล่ออกมาบริเวณแผลที่ผิวหนังจากนั้นก็ต้องค่อยๆ ดึงมันออกมา ห้ามไม่ให้ขาดเด็ดขาด ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายวัน หรืออาจนานถึงสัปดาห์เลยทีเดียว
2. Fish Odor Syndrome เป็นโรคเกี่ยวกับ "กลิ่นตัว" ที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมและไม่สามารถรักษาให้หายได้ โดยจะมีกลิ่นตัวเหม็นคล้ายกลิ่นของปลาเน่า มีสาเหตุมาจากความผิดปกติในการเผาผลาญอาหารที่ขาดเอ็นไซม์ จนส่งให้ปัสสาวะ ลมหายใจ และเหงื่อ มีกลิ่นเหม็นเหมือนปลาเน่า
3. Cancrum Oris หรือโรคมะเร็งช่องปาก เป็นโรคที่เกิดจากติดเชื้อและพบได้บ่อยในคนที่เป็นโรคขาดสารอาหาร ส่งผลให้เนื้อเยื่อในช่องปากและขากรรไกรฟันตายประมาณร้อยละ 70 - 90 ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะรอดชีวิตจากโรคนี้ แต่ถ้าใครรอดมาได้ก็ต้องทำการผ่าตัดซับซ้อนมาก
4. Cornu Cutaneum เป็นเนื้องอกหายากที่เกิดจากความผิดปกติของผิวหนัง โดยจะมีเหมือนเขางอกออกมาจากบริเวณผิวหนัง รักษาได้ด้วยการผ่าตัด
5. Filarial worm เป็นโรคที่เกิดจากพยาธิชนิดเดียวกับโรคเท้าช้าง ซึ่งมันจะอาศัยอยู่ในดวงตา จนทำให้ตาบอดได้ ซึ่งพยาธิชนิดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้คนตาบอดได้มากเป็นอันดับสองของโลกเลยทีเดียว
6. Madura Foot เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อราเรื้อรัง หรือที่รู้จักกันดีว่า Eumycetoma ซึ่งเชื้อราเหล่านี้จะแพร่กระจายไปยังเนื้อเยื่อกระดูก ถ้ารักษาไม่ทันอาจต้องตัดมือ ขา แขน หรือข้อเท้าทิ้งได้
7. Pica Syndrome โรคกินของที่ไม่ใช่อาหารหรือกินของที่กินไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งของแปลกๆ มักเกิดขึ้นบ่อยในหญิงตั้งครรภ์ และยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
8. Elephantiasis หรือโรคเท้าช้าง เกิดขึ้นโดยมียุงเป็นพาหะนำพยาธิเข้าสู่ร่างกายคน ทำให้เกิดการอุดตันของระบบน้ำเหลือง ส่งผลให้อวัยวะทั่วร่างกายบวมได้ โดยเฉพาะขา เท้า และอวัยวะเพศ
9. Polyglandular Addison's Disease โรคที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการทำงานของหมวกไต ส่งผลกระทบต่อการตอบสนองของร่างกาย
10. Harlequin Ichthyosis/เด็กดักแด้ เป็นโรคทางพันธุกรรมที่หาพบได้ยากมาก มีผลต่อผิวของเด็กทารก จะมีลักษณะผิวหนังเหมือนเกล็ดปลาเกิดรอยแตกได้ง่าย และรอยแตกเหล่านี้อาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งระคายเคืองอื่นๆ ได้ง่าย จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179183
วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558
อ้วกแทบแตก!! สาวปวดหัวมาก เลยไปหาหมอ พอหมอใช้ไฟส่อง แทบเป็นลมที่ได้เห็นสิ่งนี้
หลายคนอาจมีประสบการณ์บาดเจ็บบ้าง กระทบกระแทกบ้าง นั่นก็ทำให้เรามีการอักเสบบวมแดงตามร่างกาย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องแล้วล่ะก็ มันอาจจะอาการหนักเลยก็ได้นะ บนอินเตอร์เน็ตมีคลิปวิดีโอคลิปหนึ่งที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ น้องสาวของเจ้าของคลิปวิดีโอเกิดสะดุดหกล้มหัวกระแทกกับก้อนหินระหว่างที่กำลังวิ่ง ผลคือเธอสลบไป เมื่อเกิดการกระแทกอย่างรุนแรงเข้าที่บริเวณหน้าผาก ทำให้หน้าผากของเธอบวมโนเป็นก้อนใหญ่เลยทีเดียว และเป็นเพราะเธอไม่ได้ไปหาหมอ เมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์อาการเธอก็ทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ
ในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่าหน้าผากของหญิงสาวคนนี้มีก้อนบวมเป่งคล้าย “ไข่ไก่” เลยทีเดียว เมื่ออาการทรุดหนักจนไม่ไหวเธอจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล หมอใช้เข็มเจาะเพื่อดูดของเหลวออกมา หลังจากนั้นค่อยผ่าเปิดปากแผล บีบให้ก้อนเลือดสีดำไหลออกมาจนหมด
โชคดีที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี สิ่งแปลกปลอมทั้งหมดถูกนำออกมาแล้ว แล้วหน้าตาของหญิงสาวก็กลับคืนสู่ปกติเสียที
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179167
วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ดังสะท้านทั่วโลก!!! มหาเศรษฐีหนุ่ม ผู้ปฎิเสธรับมรดก 285,000 ล้านบาท เพียงเพื่อมาเป็นพระอยู่ในวัดแห่งนี้เท่านั้น!!!
กลายเป็นข่าวที่ฮือฮาไปทั่วโลก เมื่อได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของ พระอาจารย์สิริปันโน ลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐี ที อนันดากรีชมัน ผู้ซึ่งร่ำรวยเป็นอันดับ 2 ของ Asia และ อันดับ 89 ของโลก เรียนจบจากประเทศอังกฤษ พูดได้ถึง 8 ภาษา แต่กลับเลือกที่จะบวชเรียนในวัดแห่งหนึ่งในประเทศไทย มากว่า 18 ปีแล้ว โดยท่านได้เล่าถึงเรื่องราวเมื่อตอนที่มาบวชใหม่ๆ ดังนี้
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้ เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อชาที่วัดหนองป่าพง พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่า ทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา
ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอก ต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดี ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่า ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง วันๆไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วย อีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้น พระใหม่เสนอให้หลวงพ่อเจ้าอาวาส มีปฏิสัมพันธ์ กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงาน อย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำหลังจากทำวัตรเย็นที่โบสถ์เสร็จ หลวงพ่อชาท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่าน ให้พระหนุ่ม สามเณรน้อย ทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาแล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ ใกล้ๆ แล้วกล่าวว่า
"เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่น ไป มาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้ อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี
คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ท่านเห็นไหมว่าเมื่อตอนเย็นวันนี้ หมาป่าตัวหนึ่งมันเดินอยู่ที่นี่ เห็นไหม? มันจะยืนอยู่มันก็เป็นทุกข์ มันจะวิ่งไปมันก็เป็นทุกข์ มันจะนั่งอยู่ก็เป็นทุกข์ มันจะนอนอยู่ก็เป็นทุกข์ เข้าไปในโพรงไม้มันก็เป็นทุกข์ จะเข้าไปอยู่ในถ้ำก็ไม่สบาย มันก็เป็นทุกข์ เพราะมันเห็นว่าการยืนอยู่นี้ไม่ดี การนั่งไม่ดี การนอนไม่ดี พุ่มไม้นี้ไม่ดี โพรงไม้นี้ไม่ดี ถ้ำนี้ไม่ดี มันก็วิ่งอยู่ตลอดเวลานั้น
ความเป็นจริงหมาป่าตัวนั้นมันเป็นขี้เรื้อน มันไม่ใช่เป็นเพราะพุ่มไม้ หรือโพรงไม้หรือถ้ำ หรือการยืน การเดิน การนั่ง การนอน มันไม่สบายเพราะมันเป็นขี้เรื้อน"
พระภิกษุทั้งหลายนี้ก็เหมือนกัน ความไม่สบายนั้นคือ ความเห็นผิดที่มีอยู่ ไปยึดธรรมที่มีพิษไว้มันก็เดือดร้อน ไม่สำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย แล้วก็ไปโทษแต่สิ่งอื่น ไม่รู้เรื่องของเจ้าของเอง ไปอยู่วัดหนองป่าพงก็ไม่สบาย ไปอยู่อเมริกาก็ไม่สบาย ไปอยู่กรุงลอนดอนก็ไม่สบาย ไปอยู่วัดป่าบุ่งหวายก็ไม่สบาย ไปอยู่ทุก ๆ สาขาก็ไม่สบาย ที่ไหนก็ไม่สบาย
นี่ก็คือความเห็นผิดนั้นยังมีอยู่ในตัวเรานั่นเอง มีความเห็นผิด ยังไปยึดมั่นถือมั่นในธรรมอันมีพิษไว้ในใจของเราอยู่ อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายทั้งนั้น นั่นคือเหมือนกันกับสุนัขนั้น ถ้าหากโรคเรื้อนมันหายแล้ว มันจะอยู่ที่ไหนมันก็สบาย อยู่กลางแจ้งมันก็สบาย อยู่ในป่ามันก็สบายอย่างนี้ ผมนึกอยู่บ่อย ๆ แล้วผมก็นำมาสอนพวกท่านทั้งหลายอยู่เรื่อย เพราะธรรมตรงนี้มันเป็นประโยชน์มาก"
หลังจากนั้นหลวงพ่อชาก็นำนั่งสมาธิ ถือเนสัชชิกตลอดทั้งคืน
ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขา เพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก
อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษาโยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชายแล้ว ก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่า คำว่า หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชาย หมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
อาจารย์สิริปันโน
(Ajahn Siripanno)
ชื่อเดิมVen Siripanyo
ลูกชายคนเดียวของ
มหาเศรษฐี ที อนันดากรีชมัน
เศรษฐีอันดับ2ของAsia
และอันดับ89ของโลก
จบจากอังกฤษ
พูดได้8ภาษา
บวชมาแล้ว18ปี
ปฏิเสธการรับมรดก9,500ล้านเหรียญUSหรือ285,000ล้านบาท
อยากสนทนาธรรม
กับท่านเชิญที่
วัดหนองป่าพง
อ.วารินชำราบ
จ.อุบลราชธานี
สาธุครับ
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179094
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้ เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อชาที่วัดหนองป่าพง พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่า ทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา
ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอก ต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดี ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่า ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง วันๆไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วย อีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้น พระใหม่เสนอให้หลวงพ่อเจ้าอาวาส มีปฏิสัมพันธ์ กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงาน อย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำหลังจากทำวัตรเย็นที่โบสถ์เสร็จ หลวงพ่อชาท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่าน ให้พระหนุ่ม สามเณรน้อย ทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาแล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ ใกล้ๆ แล้วกล่าวว่า
"เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่น ไป มาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้ อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี
คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ท่านเห็นไหมว่าเมื่อตอนเย็นวันนี้ หมาป่าตัวหนึ่งมันเดินอยู่ที่นี่ เห็นไหม? มันจะยืนอยู่มันก็เป็นทุกข์ มันจะวิ่งไปมันก็เป็นทุกข์ มันจะนั่งอยู่ก็เป็นทุกข์ มันจะนอนอยู่ก็เป็นทุกข์ เข้าไปในโพรงไม้มันก็เป็นทุกข์ จะเข้าไปอยู่ในถ้ำก็ไม่สบาย มันก็เป็นทุกข์ เพราะมันเห็นว่าการยืนอยู่นี้ไม่ดี การนั่งไม่ดี การนอนไม่ดี พุ่มไม้นี้ไม่ดี โพรงไม้นี้ไม่ดี ถ้ำนี้ไม่ดี มันก็วิ่งอยู่ตลอดเวลานั้น
ความเป็นจริงหมาป่าตัวนั้นมันเป็นขี้เรื้อน มันไม่ใช่เป็นเพราะพุ่มไม้ หรือโพรงไม้หรือถ้ำ หรือการยืน การเดิน การนั่ง การนอน มันไม่สบายเพราะมันเป็นขี้เรื้อน"
พระภิกษุทั้งหลายนี้ก็เหมือนกัน ความไม่สบายนั้นคือ ความเห็นผิดที่มีอยู่ ไปยึดธรรมที่มีพิษไว้มันก็เดือดร้อน ไม่สำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย แล้วก็ไปโทษแต่สิ่งอื่น ไม่รู้เรื่องของเจ้าของเอง ไปอยู่วัดหนองป่าพงก็ไม่สบาย ไปอยู่อเมริกาก็ไม่สบาย ไปอยู่กรุงลอนดอนก็ไม่สบาย ไปอยู่วัดป่าบุ่งหวายก็ไม่สบาย ไปอยู่ทุก ๆ สาขาก็ไม่สบาย ที่ไหนก็ไม่สบาย
นี่ก็คือความเห็นผิดนั้นยังมีอยู่ในตัวเรานั่นเอง มีความเห็นผิด ยังไปยึดมั่นถือมั่นในธรรมอันมีพิษไว้ในใจของเราอยู่ อยู่ที่ไหนก็ไม่สบายทั้งนั้น นั่นคือเหมือนกันกับสุนัขนั้น ถ้าหากโรคเรื้อนมันหายแล้ว มันจะอยู่ที่ไหนมันก็สบาย อยู่กลางแจ้งมันก็สบาย อยู่ในป่ามันก็สบายอย่างนี้ ผมนึกอยู่บ่อย ๆ แล้วผมก็นำมาสอนพวกท่านทั้งหลายอยู่เรื่อย เพราะธรรมตรงนี้มันเป็นประโยชน์มาก"
หลังจากนั้นหลวงพ่อชาก็นำนั่งสมาธิ ถือเนสัชชิกตลอดทั้งคืน
ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขา เพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก
อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษาโยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชายแล้ว ก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่า คำว่า หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชาย หมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
อาจารย์สิริปันโน
(Ajahn Siripanno)
ชื่อเดิมVen Siripanyo
ลูกชายคนเดียวของ
มหาเศรษฐี ที อนันดากรีชมัน
เศรษฐีอันดับ2ของAsia
และอันดับ89ของโลก
จบจากอังกฤษ
พูดได้8ภาษา
บวชมาแล้ว18ปี
ปฏิเสธการรับมรดก9,500ล้านเหรียญUSหรือ285,000ล้านบาท
อยากสนทนาธรรม
กับท่านเชิญที่
วัดหนองป่าพง
อ.วารินชำราบ
จ.อุบลราชธานี
สาธุครับ
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179094
วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558
เห็นแสงสว่างฝุดขึ้นมากลางน้ำแต่ไม่เอะใจ เมื่อกลับนอนกลับฝันเห็นผู้สูงอายุชุดขาว มาชี้จุดที่เกิดแสงไฟ เมื่อไปดูสุดอัศจรรย์ชาวบ้านถึงกับตะลึง!!
ชาวบ้านพื้นที่รอยต่อไทย-ลาวร่วมกันลงงมบริเวณปากน้ำเหือง หลังสามเณรฝันเห็นคนโบราณนุ่งห่มขาวมาบอก สุดอัศจรรย์เจอพระพุทธรูปปางทรงเครื่องกษัตริย์อายุกว่า100ปี คาดเป็นพระลาว แต่เอาไว้ที่เดิมใช้โซ่ล่ามกับตอไม้ รอทำพิธีนำขึ้นจากน้ำ...
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ธ.ค.58 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายอมร ภักดิ์จรุง นายก อบต.ลาดค่าง อ.ภูเรือ จ.เลย ว่า มีสามเณรที่จำพรรษาที่วัดศรีทองพัฒนาราม หมู่ 5 บ้านห้วยติ้ว ต.ลาดค่าง ฝันเห็นพระพุทธรูปปางทรงเครื่องกษัตริย์ จมน้ำที่บริเวณปากน้ำสาน (ลำน้ำสาน) รอยต่อแม่น้ำเหืองที่กั้นพรมแดนไทย-ลาว หมู่ 5 บ้านห้วยติ้ว ต.ลาดค่าง ระหว่าง อ.ด่านซ้าย เขตติดต่อ อ.ภูเรือ กับบ้านบ่อแตน แขวงไชยะบุรี สปป.ลาว
ทั้งนี้ ทางนายก อบต.ได้นำชาวบ้านลงงมหาตรงจุดที่สามเณรบอก โดยมีสามเณรอนาวิน ไชยโสดา อายุ 18 ปี สามเณรลูกวัดศรีทองพัฒนาราม ที่ฝันเห็นพระพุทธรูปร่วมลงงมด้วย เริ่มจากบำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง จากนั้นชาวบ้านประมาณ 10 คน ได้ลงไปในน้ำเพื่องมหาพระพุทธรูปใช้เวลาเพียง 20 นาทีจึงพบพระพุทธรูปปางทรงเครื่อง หรือปางทรงเครื่องกษัตริย์ ในลักษณะท่านั่งสมาธิ มีสนิมเขียวและตะไคร่ขึ้นเต็มไปหมด ส่วนที่เป็นเศียรแยกออก ขนาดหน้าตักกว้าง 80 ซม. สูง 150 ซม. คาดว่ามีอายุกว่า 100 ปี น่าจะเป็นพุทธรูปศิลปะลาว แต่ไม่ทราบว่ายุคใด
พระพุทธรูปปางทรงเครื่องกษัตริย์อายุกว่า100ปี งมได้บริเวณปากน้ำเหือง
จากการสอบถามสามเณรอนาวิน เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงออกพรรษาที่ผ่านมา ชาวบ้านได้การจัดพิธีไหลเรือไฟที่บริเวณดังกล่าว ตนเห็นแสงสว่างขึ้นมาตรงจุดที่พบพระพุทธรูป แต่ไม่ได้สนใจ เมื่อกลับวัดตกกลางคืนฝันเห็นผู้สูงอายุ สวมใส่เสื้อผ้าชุดขาว มาเข้าฝันว่าจุดที่เห็นแสงสว่างตรงนั้นมีพุทธรูปปางกษัตริย์จมน้ำอยู่ให้นำ ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้สนใจ จนมาเมื่อวานนี้ 30 พ.ย.58 ได้ไปปรึกษานายอมร ภักดิ์จรุง นายก อบต.ลาดค่าง และนายสมควร ศรีธรรมา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ตกลงว่าจะลองงมหาดู ปรากฏว่ามีจริงตามที่ฝัน แต่ได้เอาลงไปไว้ที่เดิมก่อน
"รอจนถึงวันที่ 9 ธ.ค.58 เวลาบ่าย จะมีพิธีอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง โดยมีเจ้าหน้าที่จากฝั่งลาว และคณะผ้าป่ามาทอดถวายที่วัด เพื่ออัญเชิญมาไว้ที่วัดศรีทองพัฒนารามต่อไป" สามเณรอนาวิน กล่าว
จะมีการเตรียมอัญเชิญพระพุทธรูปมาไว้ที่วัดศรีทองพัฒนาราม
ด้านนายสมควร ศรีธรรมา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวว่า จากวันนี้ไป จะไม่มีการงมพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาให้ชม หรือให้ใครดูเป็นอันขาด และให้ชาวบ้านจัดเวรยามกันดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการล่ามโซ่ผูกไว้กับตอไม้ใต้น้ำ เพื่อกันน้ำไหลเชี่ยวพัดหายไป จนกว่าจะถึงวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ที่จะมีพิธีอัญเชิญขึ้นมาจากใต้น้ำอย่างสมเกียรติ
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179069
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ธ.ค.58 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายอมร ภักดิ์จรุง นายก อบต.ลาดค่าง อ.ภูเรือ จ.เลย ว่า มีสามเณรที่จำพรรษาที่วัดศรีทองพัฒนาราม หมู่ 5 บ้านห้วยติ้ว ต.ลาดค่าง ฝันเห็นพระพุทธรูปปางทรงเครื่องกษัตริย์ จมน้ำที่บริเวณปากน้ำสาน (ลำน้ำสาน) รอยต่อแม่น้ำเหืองที่กั้นพรมแดนไทย-ลาว หมู่ 5 บ้านห้วยติ้ว ต.ลาดค่าง ระหว่าง อ.ด่านซ้าย เขตติดต่อ อ.ภูเรือ กับบ้านบ่อแตน แขวงไชยะบุรี สปป.ลาว
ทั้งนี้ ทางนายก อบต.ได้นำชาวบ้านลงงมหาตรงจุดที่สามเณรบอก โดยมีสามเณรอนาวิน ไชยโสดา อายุ 18 ปี สามเณรลูกวัดศรีทองพัฒนาราม ที่ฝันเห็นพระพุทธรูปร่วมลงงมด้วย เริ่มจากบำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง จากนั้นชาวบ้านประมาณ 10 คน ได้ลงไปในน้ำเพื่องมหาพระพุทธรูปใช้เวลาเพียง 20 นาทีจึงพบพระพุทธรูปปางทรงเครื่อง หรือปางทรงเครื่องกษัตริย์ ในลักษณะท่านั่งสมาธิ มีสนิมเขียวและตะไคร่ขึ้นเต็มไปหมด ส่วนที่เป็นเศียรแยกออก ขนาดหน้าตักกว้าง 80 ซม. สูง 150 ซม. คาดว่ามีอายุกว่า 100 ปี น่าจะเป็นพุทธรูปศิลปะลาว แต่ไม่ทราบว่ายุคใด
พระพุทธรูปปางทรงเครื่องกษัตริย์อายุกว่า100ปี งมได้บริเวณปากน้ำเหือง
จากการสอบถามสามเณรอนาวิน เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงออกพรรษาที่ผ่านมา ชาวบ้านได้การจัดพิธีไหลเรือไฟที่บริเวณดังกล่าว ตนเห็นแสงสว่างขึ้นมาตรงจุดที่พบพระพุทธรูป แต่ไม่ได้สนใจ เมื่อกลับวัดตกกลางคืนฝันเห็นผู้สูงอายุ สวมใส่เสื้อผ้าชุดขาว มาเข้าฝันว่าจุดที่เห็นแสงสว่างตรงนั้นมีพุทธรูปปางกษัตริย์จมน้ำอยู่ให้นำ ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้สนใจ จนมาเมื่อวานนี้ 30 พ.ย.58 ได้ไปปรึกษานายอมร ภักดิ์จรุง นายก อบต.ลาดค่าง และนายสมควร ศรีธรรมา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ตกลงว่าจะลองงมหาดู ปรากฏว่ามีจริงตามที่ฝัน แต่ได้เอาลงไปไว้ที่เดิมก่อน
"รอจนถึงวันที่ 9 ธ.ค.58 เวลาบ่าย จะมีพิธีอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง โดยมีเจ้าหน้าที่จากฝั่งลาว และคณะผ้าป่ามาทอดถวายที่วัด เพื่ออัญเชิญมาไว้ที่วัดศรีทองพัฒนารามต่อไป" สามเณรอนาวิน กล่าว
จะมีการเตรียมอัญเชิญพระพุทธรูปมาไว้ที่วัดศรีทองพัฒนาราม
ด้านนายสมควร ศรีธรรมา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 กล่าวว่า จากวันนี้ไป จะไม่มีการงมพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาให้ชม หรือให้ใครดูเป็นอันขาด และให้ชาวบ้านจัดเวรยามกันดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการล่ามโซ่ผูกไว้กับตอไม้ใต้น้ำ เพื่อกันน้ำไหลเชี่ยวพัดหายไป จนกว่าจะถึงวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ที่จะมีพิธีอัญเชิญขึ้นมาจากใต้น้ำอย่างสมเกียรติ
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179069
ใจแม่แทบขาด เห็นลูกน้อยติดในซี่ล้อรถจักรยานยนต์ เพราะความประมาทกับเรื่องแค่นี้
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 1 ธ.ค. ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัดสระบุรี(1669) ได้รับแจ้งอุบัติเหตุเด็กทารกติดในซี่ล้อรถจักรยานยนต์ บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดหน้าร้าน มาตาหมูกะทะ ต.หินกอง อ.หนองแค จ.สระบุรี จึงแจ้งให้อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุดหินกอง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยเข้าให้การช่วยเหลือเบื้องต้น และนำตัวเด็กออกจากล้อรถจักรยานยนต์ในที่เกิดเหตุ แต่เด็กน้อยอายุประมาณ 1 เดือน มีอาการ ไม่รู้สึกตัว และมีแผลตามลำตัวหลายแห่ง จึงได้ประสานขอรถกู้ชีพสระบุรีนำร่างทารกซึ่งมีอาการสาหัสส่งโรงพยาบาลสระบุรีอย่างเร่งด่วน
โดยขณะลำเลียงผู้บาดเจ็บนั้น เจ้าหน้าที่ทำการยื้อชีวิตเด็ก และได้ใส่ท่อช่วยหาย ทำการกดหน้าอกนวดหัวใจ(CPR) แต่เด็กทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้เสียชีวิตลง
ในเบื้องต้นทราบว่าผู้ปกครองอุ้มทารกน้อยซ้อนรถจักรยานยนต์ไปธุระ โดยใช้ผ่าขนหนูห่อตัวทารกไว้ แต่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดขึ้น เมื่อปลายผ้าขนหนูหลุดเข้าไปเกี่ยวกับซี่ล้อหลังจนกระชากร่างทารกน้อยเข้าไปติดในวงล้อจนเสียชีวิตดังกล่าว
ภาพข่าวจาก.. Aof saraburi
ข้อมูลจาก รัฐศาสตร์ เสริมรัตน์ และอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุดหินกอง
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179071
เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยเข้าให้การช่วยเหลือเบื้องต้น และนำตัวเด็กออกจากล้อรถจักรยานยนต์ในที่เกิดเหตุ แต่เด็กน้อยอายุประมาณ 1 เดือน มีอาการ ไม่รู้สึกตัว และมีแผลตามลำตัวหลายแห่ง จึงได้ประสานขอรถกู้ชีพสระบุรีนำร่างทารกซึ่งมีอาการสาหัสส่งโรงพยาบาลสระบุรีอย่างเร่งด่วน
โดยขณะลำเลียงผู้บาดเจ็บนั้น เจ้าหน้าที่ทำการยื้อชีวิตเด็ก และได้ใส่ท่อช่วยหาย ทำการกดหน้าอกนวดหัวใจ(CPR) แต่เด็กทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้เสียชีวิตลง
ในเบื้องต้นทราบว่าผู้ปกครองอุ้มทารกน้อยซ้อนรถจักรยานยนต์ไปธุระ โดยใช้ผ่าขนหนูห่อตัวทารกไว้ แต่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดขึ้น เมื่อปลายผ้าขนหนูหลุดเข้าไปเกี่ยวกับซี่ล้อหลังจนกระชากร่างทารกน้อยเข้าไปติดในวงล้อจนเสียชีวิตดังกล่าว
ภาพข่าวจาก.. Aof saraburi
ข้อมูลจาก รัฐศาสตร์ เสริมรัตน์ และอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุดหินกอง
ทีมา http://www.siamupdate.com/news-179071
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)