วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ได้รับโทรศัพท์จากอา แม่ตายเพราะโจรขึ้นบ้าน พอถึงงานศพกำลังไหว้เกิดไฟดับ หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ทำน้ำตาไหล

เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณน้ำ น้ำอาศัยอยู่กับแม่ 2 คน ที่จังหวัดนครสวรรค์ พ่อน้ำเสียไปแล้วตั้งแต่เด็กๆ และน้ำก็ได้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และก็ทำงานต่อเลย.. ทุกๆ วันแม่จะโทรมาหาน้ำ ถามว่า ทำอะไรอยู่ กินอะไรรึยัง นอนรึยัง คำถามเดิมๆ ที่แม่ก็ไม่เคยเบื่อที่จะถาม.. และน้ำก็ตอบไปแบบเดิมๆ ใช้เวลาคุยกับแม่ครั้งนึงไม่กี่นาที น้ำก็ตัดบทวางไป.. ตอนนั้นน้ำเพิ่งมีแฟน ชื่อพี น้ำใช้เวลาส่วนมาก หมดไปกับการคุยโทรศัพท์กับพี.. และด้วยความที่ต้องทำงานหนัก กับติดแฟน ทำให้น้ำแทบไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่เลย

คุณน้ำเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยน้ำเสียงสั่นว่า.. คืนวันหนึ่งขณะเราคุยโทรศัพท์กับพี แม่ก็โทรมาหาเป็นสายซ้อน เราก็ไม่ได้รับ เพราะคิดในใจว่า ก็คงโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนทุกวัน หลังจากวางสายจากพี เราก็นอนหลับโดยที่ก็ไม่ได้โทรกลับหาแม่

พอเช้ามา เราก็ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ เป็นอาของเราโทรมาหาด้วยเสียงสั่นๆ บอกว่าตั้งใจฟังดีๆนะ.. เมื่อคืนนี้โจรขึ้นบ้านแม่ และแม่ก็ขัดขืน ต่อสู้ จนกระทั่งถูกแทงเข้าที่ท้องเสียชีวิต แต่ตอนที่ไปเจอศพ แม่แกถือโทรศัพท์อยู่แน่นเลย และในรายการโทรออก กลับไม่มีเบอร์ตำรวจหรือ เบอร์โรงพยาบาล มีแต่เบอร์ของเรา.. เมื่อเราได้ยินแบบนั้น น้ำตาเราก็ไหลอาบแก้มทันที เพราะสายซ้อนเมื่อคืน คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่ต้องการ คือได้ยินเสียงของเรา เพื่อบอกลา..

หลังจากนั้น ที่งานศพแม่ที่นครสวรรค์.. ขณะที่เรากับพี เข้าไปจุดธูปไหว้ที่โลงศพแม่ จู่ๆ ไฟก็ดับทั้งศาลา มืดไปหมด ทุกคนในงาน ต่างก็ใช้ไฟจากมือถือส่องกัน เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ไหว้ต่อจนเสร็จ สักครู่เดียวไฟก็ติดขึ้นมาอีกครั้ง เราก็เห็นพีนั่งหน้าซีด เลยถามว่าเป็นอะไร? พีบอกว่า เมื่อกี้ตอนที่เราไหว้โลงศพ พอไฟดับแล้วพีเปิดไฟที่มือถือขึ้นมา พีส่องเห็นตรงที่ที่เราก้มกราบลงไป มีเท้าคนยืนอยู่ และก็มีน้ำหยดลงมาที่พื้น แต่พอมองขึ้นไปกลับว่างเปล่า และไฟก็ติดขึ้นมา..

ตอนนั้นฟังดูน่ากลัว แต่เรากลับไม่มีความกลัวเลย แต่กลับรู้สึกเศร้าจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะนั่นคงจะเป็นวิญญาณของแม่เรา มายืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นได้.. ถึงตรงนี้ เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไปแล้ว.. ทุกวันนี้เรานั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆให้แม่ฟัง แต่คงไม่มีอีกแล้ว

*เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าขานกันมาโปรดใช้วิจารณญาณในการคิดอ่าน
ทีมา   http://www.siamupdate.com/news-179225

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น